เหตุเพลิงไหม้เป็นภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุด ทั้งจากความประมาทของบุคคล หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดล่วงหน้า ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ โดยในประเทศไทยมีสถิติการเกิดอัคคีภัยตั้งแต่ปี 2532 ถึง ปี 2558 เกิดขึ้นกว่า 5 หมื่นครั้ง ซึ่งส่งผลให้มีมูลค่าความเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท
เพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัยที่ทำให้สูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้ที่อยู่ในอาคาร จึงมีกฏหมายสำหรับควบคุมการก่อสร้างของอาคารที่ต้องมีระบบดับเพลิงชนิดต่างๆ ตามความเหมาะสมของขนาดอาคารรวมถึงวัตถุที่เป็นเชื้อเพลิงในอาคาร เพื่อช่วยให้ควบคุมเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในบทความนี้จะทำให้คุณได้เข้าใจถึงระบบดับเพลิงด้วยน้ำ ที่ใช้การควบคุมโดยบุคคล เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ และจะทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการติดตั้งระบบดับเพลิงและติดตั้งตู้ดับเพลิงในอาคารประเภทต่างๆ ตามหลักกฏหมาย
กฎหมายเกี่ยวกับติดตั้งตู้ดับเพลิงในอาคาร
อ้างอิงถึงจากกฏหมายควบคุมเพลิงไหม้อาคารสูง พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กฏกระทรวงฉบับที่ 33 ในหมวดที่ 2 โดยสาระสำคัญอยู่ที่เรื่องระบบป้องกันเพลิงไหม้ ให้ทุกชั้นของอาคารมีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบระบายอากาศ ระบบตรวจจับควันไฟ ที่ทำงานร่วมกันเป็นระบบอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้
ระบบป้องกันเพลิงไหม้ด้วยน้ำที่ประกอบด้วย ท่อยืน (ท่อที่ส่งน้ำขึ้นอาคารในแนวดิ่ง) ที่ทนต่อแรงดันใช้งานไม่น้อยกว่า 175 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว รวมถึงที่เก็บน้ำสำรอง และตู้หัวฉีดน้ำดับเพลิงทุกชั้นติดตั้งห่างกันไม่เกิน 64 เมตร ซึ่งในตู้ประกอบด้วย หัวสายฉีดน้ำดับเพลิงขนาด 1 นิ้ว ยาว 30 m. และหัวต่อสายชนิดสวมเร็วขนาด 2.5 นิ้ว
หัวรับน้ำดับเพลิงภายนอกอาคารต้องมีความสามารถในการส่งน้ำให้กับท่อยืนแรกไม่น้อยกว่า 30 ลิตรต่อวินาทีและไม่น้อยกว่า 15 ลิตรต่อวินาทีในท่อยืนถัดไป โดยต้องสามารถจ่ายน้ำดับเพลิงได้ไม่น้อยกว่า 30 นาที
นอกจากเรื่องการติดตั้งหัวฉีดน้ำดับเพลิงแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงแบบมือถือหรือถังดับเพลิงต้องมี 1 เครื่องต่อพื้นไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร ทุกระยะไม่เกิน 45 เมตร ติดตั้งสูงจากพื้นไม่เกิน 1.5 เมตร หรือกำหนดให้มีการติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติร่วมด้วยเช่น ระบบดับเพลิงสปริงเกอร์หรือระบบอื่นที่เทียบเท่าสำหรับอาคารที่สูงเกิน 23 เมตร หรืออาคารขนาดใหญ่ พิเศษที่มีพื้นที่รวมกันทุกชั้นเกิน 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป
ระบบท่อยืนและตู้หัวฉีดน้ำดับเพลิง
อ้างอิงตาม NFPA 14 ระบุว่าท่อยืนที่ครอบคลุมอาคารตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป ถือเป็นระบบท่อยืน การออกแบบติดตั้งระบบท่อยืนกำหนดให้ หัวต่อสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose valve) และอุปกรณ์ฉีดน้ำดับเพลิงประกอบกันในตำแหน่งที่สามารถต่อสายฉีดน้ำได้ โดยสามารถนำไปใช้ยังจุดเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย ซึ่งจุดที่ติดตั้งต้องเป็นจุดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและสะดวกต่อการทำงานของพนักงานดับเพลิง เช่น บริเวณบันไดหนีไฟ หน้าลิฟต์ เป็นต้น
ประเภทของท่อยืน
การทำงานของระบบท่อยืนจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเชื่อมต่อระบบทั้งหมดเข้ากับระบบส่งน้ำ เช่น ถังเก็บน้ำดับเพลิง เครื่องสูบน้ำดับเพลิง โดยท่อยืนแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามอ้างอิงของ วสท. ดังนี้
ประเภทที่ 1
ประกอบด้วยหัวต่อสายฉีดน้ำดับเพลิงขนาด 65 มิลลิเมตร (2 1/2 นิ้ว) มีอัตราการไหลของน้ำ 15 ลิตรต่อวินาที (250 gpm) ใช้สำหรับพนักงานดับเพลิงและผู้ที่ได้รับการฝึกฝนการใช้งานเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้
ประเภทที่ 2
เป็นท่อยืนสำหรับหัวฉีดน้ำดับเพลิงขนาด 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) ส่วนใหญ่ต่อกับสายฉีดน้ำดับเพลิงแบบสายม้วนหรือ Hose reel โดยมีอัตราการไหลของน้ำ 2.50 ลิตรต่อวินาที (20-40 gpm) โดยผู้ใช้งานอาคารสามารถใช้งานได้เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้
ประเภทที่ 3
เกิดจากประเภทที่ 1 และ 2 รวมกัน เป็นท่อยืนสำหรับหัวฉีดน้ำดับเพลิงขนาด 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) หรือ 40 มิลลิเมตร (1 1/2 นิ้ว) สำหรับผู้ใช้อาคารที่สามารถใช้ดับไฟได้ และหัวต่อสายฉีดดับเพลิงขนาด 65 มิลลิเมตร (2 1/2 นิ้ว) สำหรับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและผู้ที่ได้รับการฝึกฝนการใช้งานแล้ว
การติดตั้งท่อยืน
ท่อยืนจะต้องถูกติดตั้งในตำแหน่งที่มีการป้องกันท่อจากความเสียหายทั้งจากเชิงกลหรืออัคคีภัย ในกรณีที่ท่อต้องฝังดินหรือติดตั้งในสภาวะแวดล้อมที่มีผลต่อการกัดกร่อนให้ท่อเสื่อมสภาพได้ง่าย จะต้องมีวิธีการป้องกันผิวท่อจากภายนอกด้วยด้วยวัสดุป้องกันการกัดกร่อน
ท่อยืนทุกท่อต้องมีการติดตั้งวาล์วควบคุมการไหลของน้ำและต้องถูกต่อกับแหล่งจ่ายน้ำ โดยจะต้องมีวาล์วควบคุมที่มีการบอกตำแหน่งของการเปิด-ปิด (Indication type valve) และวาล์วกันกลับติดตั้งใกล้แหล่งจ่ายน้ำ เช่น ถังเก็บน้ำ เครื่องสูบน้ำดับเพลิง เป็นต้น
ท่อยืนแต่ละท่อไม่ควรติตตั้งห่างกันเกิน 60 เมตร และการดับเพลิงมักจะใช้สายฉีดน้ำดับเพลิงมากกว่า 1 เส้น ดังนั้นเครื่องสูบน้ำต้องมีอัตราการไหลของน้ำไม่น้อยกว่า 30 ลิตรต่อวินาที (500 gpm)
ตู้หัวฉีดน้ำดับเพลิง
ตู้หัวฉีดน้ำดับเพลิงเป็นตู้ที่ใช้เก็บอุปกรณ์ดับเพลิงด้วยน้ำซึ่งต้องใช้การควบคุมด้วยบุคคล ประกอบไปด้วย สายฉีดน้ำดับเพลิงความยาวไม่เกิน 30 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว) และหัวต่อสายฉีดน้ำดับเพลิงชนิดหัวต่อสวมเร็วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 65 มิลลิเมตร (2 1/2 นิ้ว) รวมถึงเครื่องดับเพลิงแบบมือถือหรือถังดับเพลิงตามชนิดและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมทั้งฝาครอบอุปกรณ์ทั้งหมด ติดตั้งตู้ห่างกันไม่เกิน 64 เมตร
ความเหมาะสมของการติดตั้งในอาคาร
การติดตั้งระบบดับเพลิงด้วยน้ำต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้สอยอาคารที่ปลูกสร้างตามกฏหมาย ซึ่งได้แก่ อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ หรืออาคารปลูกสร้างที่เป็นห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว บ้านแฝด หอพัก สถานบริการ และอาคารพาณิชย์
โดยอาคารปลูกสร้างต่างๆ จะมีลักษณะการใช้งานภายในที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของและผู้อยู่อาศัย ซึ่งแต่ละพื้นที่ในอาคารจะมีการแบ่งลักษะพื้นที่อันตรายไว้จากมากไปน้อย เพื่อช่วยในการออกแบบระบบดับเพลิงที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรัดกุม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแบ่งลักษณะพื้นที่อันตรายและปริมาณน้ำสำรอง ดังนี้
1. พื้นที่อันตรายน้อย (Light hazard occupancies)
เป็นบริเวณภายในอาคารทั่วไปที่ไม่มีวัตถุอันตรายที่ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย เช่น ที่พักอาศัย สำนักงานทั่วไป ร้านอาหารในส่วนรับประทานอาหาร โรงภาพยนตร์ สถานศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น
2. พื้นที่อันตรายปานกลาง (Ordinary hazard occupancies)
เป็นพื้นที่ภายในอาคารที่ภายในมีเชื้อเพลิงติดไฟได้แต่ไม่ใช่เชื้อเพลิงอันตรายที่ก่อให้เกิดการระเบิดรุนแรงได้ เช่น ที่จอดรถยนต์ โรงงานผลิตเครื่องบริโภค ร้านขนมปัง ร้านซักแห้ง โรงงานผลิตอาหาร ร้านค้า ท่าเรือ เป็นต้น
3. พื้นที่อันตรายมาก (Extra hazard occupancies)
เป็นพื้นที่อาคารที่ทำงานหรือจัดเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับของเหลวติดไฟง่ายและวัตถุไวไฟอื่นๆ เช่น โรงหล่อเหล็ก โรงเก็บซ่อมเครื่องยนต์ โรงพิมพ์ อุตสาหกรรมยาง โรงกลั่นน้ำมัน รวมถึงพื้นที่ที่ใช้สารฉีดชนิดเหลวติดไฟ
สรุป
ติดตั้งตู้ดับเพลิง ในอาคารที่นอกเหนือจากตู้ที่ติดตั้งอยู่ตามจุดที่มองเห็นได้แล้ว ยังมีเรื่องของระบบการจ่ายน้ำมายังตู้เหล่านี้ ซึ่งต้องผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบท่อยืน วาว์ลควบคุม หัวฉีดน้ำดับเพลิง ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำจากแหล่งจ่ายน้ำที่เพียงพอตามความเหมาะสม เพื่อในเวลาที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอาคารจะสามารถควบคุมสถานะการณ์ได้อย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากจนเกินไป ถ้าคุณยังมีข้อสังสัยเพิ่มเติมในเรื่องของระบบดับเพลิงในอาคาร คุณสามารถติดต่อเราได้ที่นี่ เรามีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษากับคุณได้
ติดตาม Harn Engineering Solutions
เรามีบทความดีๆ และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ส่งตรงถึงอีเมลคุณทุกสัปดาห์